
เมื่อพูดถึงการสร้างบ้าน อาคาร หรือโครงสร้างใดๆ ก็ตาม คนส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับดีไซน์ภายนอก หรือวัสดุที่ใช้ในโครงสร้างเหนือพื้นดิน แต่รู้หรือไม่ว่า “หัวใจของความมั่นคง” ของสิ่งปลูกสร้างอยู่ที่ “งานฐานราก” เพราะหากฐานรากไม่แข็งแรง สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดอาจพังลงได้แม้จะดูสมบูรณ์จากภายนอก
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักว่า งานฐานรากคืออะไร? มีกี่ประเภท? มีหน้าที่อะไร? และควรเลือกใช้อย่างไรให้เหมาะกับลักษณะโครงการ เพื่อให้สิ่งปลูกสร้างของคุณมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัยในระยะยาว
หัวข้อ
งานฐานรากคืออะไร?
งานฐานราก (Foundation Work) คือขั้นตอนการเตรียมและก่อสร้างโครงสร้างส่วนล่างสุดของอาคาร ที่มีหน้าที่รองรับน้ำหนักของสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด และถ่ายแรงลงสู่ดินชั้นล่างที่แข็งแรงพอจะรับน้ำหนักได้
ฐานรากทำหน้าที่กระจายแรงและน้ำหนักของอาคารอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการทรุดตัวหรือเอียงของโครงสร้างในอนาคต
ประเภทของฐานรากที่ใช้ในการก่อสร้าง
1. ฐานรากตื้น (Shallow Foundation)
- อยู่ไม่ลึกจากผิวดิน (ประมาณ 0.5–2.0 เมตร)
- นิยมใช้ในบ้านเดี่ยวหรืออาคารขนาดเล็ก
- ประเภทที่พบบ่อย: ฐานแผ่ (Spread Footing), ฐานวางแถบ (Strip Footing)
2. ฐานรากลึก (Deep Foundation)
- อยู่ลึกจากผิวดินมากกว่า 2 เมตร
- ใช้ในอาคารสูง ดินอ่อน หรือโครงการที่รับน้ำหนักมาก
- ประเภทที่พบบ่อย: เสาเข็มตอก, เสาเข็มเจาะ, ไมโครไพล์
ขั้นตอนของงานฐานราก
- สำรวจสภาพดิน (Soil Investigation)
- เจาะสำรวจดินเพื่อวิเคราะห์ความสามารถในการรับน้ำหนัก
- ออกแบบฐานรากโดยวิศวกร
- เลือกประเภทฐานรากและขนาดที่เหมาะสมกับน้ำหนักและสภาพพื้นที่
- เตรียมพื้นที่หน้างาน
- ปรับระดับดิน, ขุดหลุม, หรือเตรียมโครงแบบฐาน
- ก่อสร้างฐานราก
- ตอกเสาเข็ม หรือเทคอนกรีตฐานรากตื้น
- ตรวจสอบคุณภาพ
- ตรวจระดับ, แนวดิ่ง, และทำการทดสอบเสาเข็ม (ถ้ามี)
เสาเข็มกับงานฐานราก
เสาเข็มเป็นองค์ประกอบสำคัญใน งานฐานรากลึก โดยมีหน้าที่ถ่ายน้ำหนักจากตัวอาคารลงไปยังชั้นดินที่มั่นคง เสาเข็มมีหลายประเภท เช่น:
- เสาเข็มตอก (Driven Pile)
- เสาเข็มเจาะ (Bored Pile)
- เสาเข็มไมโครไพล์ (Micro Pile)
- เสาเข็มสปัน (Spun Pile)
โดยต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพพื้นที่และน้ำหนักที่ต้องรับ
ปัญหาที่เกิดจากฐานรากไม่ได้มาตรฐาน
- อาคารทรุดตัวไม่เท่ากัน
- ผนังแตกร้าว พื้นแยก
- เสาเอียงหรือเกิดรอยร้าวที่เสา
- อายุการใช้งานของอาคารลดลง
- ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงมากในภายหลัง
แนวทางควบคุมคุณภาพงานฐานราก
- ว่าจ้างวิศวกรตรวจสอบก่อนเริ่มงาน
- ตรวจสอบวัสดุ เช่น คอนกรีต เหล็กเสริม และเสาเข็ม
- บันทึกการตอกเสาเข็ม/การเทคอนกรีตอย่างละเอียด
- ทำ Load Test หรือ PIT Test (ในกรณีใช้เสาเข็ม)
- ตรวจสอบความเรียบร้อยและความแข็งแรงตามแบบโครงสร้าง
งานฐานรากเหมาะกับใคร?
- เจ้าของบ้านที่ต้องการโครงสร้างมั่นคงในระยะยาว
- ผู้รับเหมาก่อสร้างที่ต้องการส่งมอบงานคุณภาพ
- วิศวกรโครงการที่ต้องการป้องกันปัญหาภายหลัง
- เจ้าของอาคารที่มีปัญหาทรุด ต้องการเสริมฐานรากใหม่
สรุป
งานฐานราก คือพื้นฐานสำคัญที่ทำให้อาคารแข็งแรง อยู่ได้อย่างมั่นคง และปลอดภัย การเลือกประเภทฐานรากที่เหมาะสม การออกแบบโดยวิศวกร และการควบคุมคุณภาพระหว่างก่อสร้าง จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามในการสร้างบ้านหรืออาคารทุกประเภท
อย่าลืมว่า “รากฐานที่มั่นคง คือจุดเริ่มต้นของความมั่นใจในทุกโครงการ”
ติดต่อเรา
- สถานที่
- สาขากรุงเทพฯ : 34 2 อนามัยงามเจริญ 33 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร 10150
- สาขาหาดใหญ่ : 23 ถนน ศิษย์วิศาล ตำบล ควนลัง อำเภอหาดใหญ่ สงขลา 90110
- Facebook : www.facebook.com/thanrakstructure
- เบอร์โทร : 081 445 5080
- เว็บไซต์ : www.thanrak.com